“สองล้อ” ใช้หลักเกณฑ์คัดเลือกนักกีฬาที่เก่งที่สุดและดีที่สุด เพื่อเป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่งขันเอเชี่ยนยูธเกมส์ ครั้งที่ 3 ที่ประเทศบาห์เรน ระหว่างวันที่ 21-31 ต.ค. ศกนี้ ในรุ่นอายุ 14-17 ปี โดยพิจารณาผลงานจากการแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี 2568 สนามที่ 2 ที่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี, สนามที่ 3 ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และสนามที่ 4 ที่สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข (บึงสีไฟ) จ.พิจิตร
“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี รองประธานสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย (เอซีซี), ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (เอซีเอฟ) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า จากการที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ จะทำการพิจารณาคัดเลือกนักกีฬาเยาวชนประเภทถนนที่มีผลงานโดดเด่นที่มีอายุระหว่าง 14-17 ปี หรือเกิดปี พ.ศ.2551-2554 เพื่อเป็นนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทยไปแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนยูธเกมส์ ครั้งที่ 3 ที่ประเทศบาห์เรน ระหว่างวันที่ 21-31 ตุลาคม ศกนี้ สำหรับกีฬาจักรยานจะมีแข่งขันเฉพาะประเภทถนนรวม 5 รายการ ประกอบด้วย โรดเรซบุคคลชาย โรดเรซบุคคลหญิง ไทม์ไทรอัลบุคคลชาย ไทม์ไทรอัลบุคคลหญิง และทีมไทม์ไทรอัลมิกซ์ทีมรีเลย์
พลเอกเดชา กล่าวว่า สมาคมกีฬาจักรยานฯ กำหนดจะทำการพิจารณาคัดเลือกนักปั่นเยาวชนชุดเอเชี่ยนยูธเกมส์ ครั้งที่ 3 จากการแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี 2568 เป็นหลัก โดยเริ่มจากการแข่งขันสนามที่ 2 ระหว่างวันที่ 25-27 เมษายน ที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี นอกจากนี้จะพิจารณาเพิ่มเติมจากการแข่งขันสนามที่ 3 ระหว่างวันที่ 9-11 พฤษภาคม ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว รวมไปถึงสนามที่ 4 ระหว่างวันที่ 6-8 มิถุนายน ที่สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข ภายในบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร
นายกสองล้อไทย กล่าวอีกว่า ด้านหลักเกณฑ์ในการพิจารณานักกีฬาเพื่อมาเป็นนักปั่นทีมชาติไทยนั้น ทางสตาฟฟ์โค้ชจะดูผลงานของนักกีฬาที่โดดเด่นจริง ๆ และทำเวลาได้ดีที่สุด ก่อนจะเรียกตัวมาฝึกซ้อมตามระยะเวลาที่กำหนด แต่ก็ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองและต้นสังกัดของนักกีฬาเสียก่อน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องตั้งใจขยันฝึกซ้อม อยู่ในระเบียบวินัย และเชื่อฟังผู้ฝึกสอนอย่างเคร่งครัด หากใครไม่อยู่ในระเบียบวินัย แม้จะทำผลงานได้ดีแต่ก็อาจจะถูกตัดออกจากทีม แล้วเรียกคนอื่นมาแทน
“สำหรับสถานที่เก็บตัวฝึกซ้อมนั้นทางสมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้รับข้อมูลว่าสนามแข่งขันที่ประเทศบาห์เรนเป็นพื้นเรียบ อยู่ท่ามกลางทะเลทราย มีกระแสลมค่อนข้างแรง สมาคมฯ จึงพิจารณาเลือกสถานที่ฝึกซ้อมนักกีฬาเอาไว้ 2 แห่ง คือที่สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข ภายในบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดพิจิตร และเส้นทางบางส่วนของจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นเส้นทางการแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์เอเชีย 2025 เมื่อวันที่ 7-16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นับว่ามีความเหมาะสมอย่างมาก เพราะเป็นเส้นทางเรียบ และมีกระแสลมที่แรงพอสมควร ที่สำคัญมีความปลอดภัยสูง” พลเอกเดชา กล่าว
พลเอกเดชา กล่าวต่อไปว่า ส่วนระยะเวลาในการเก็บตัวฝึกซ้อมตามระเบียบของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กำหนดให้เก็บตัวฝึกซ้อมก่อนแข่งขันเป็นเวลา 3 เดือน ดังนั้นสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ จะเริ่มเรียกนักกีฬามาเก็บตัวฝึกซ้อมตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม เป็นต้นไป โดยจะเก็บตัวนักกีฬาประเภทโรดเรซ ชาย 4 คน หญิง 4 คน, ไทม์ไทรอัล ชาย 2 คน หญิง 2 คน และทีมไทม์ไทรอัลมิกซ์ทีมรีเลย์ ชาย 3 คน หญิง 3 คน ซึ่งในการแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี 2568 สนามที่ 5 สนามสุดท้าย ระหว่างวันที่ 8-10 สิงหาคม ที่เขื่อนภูมิพล อำเภอสามเงา จังหวัดตาก จะเป็นเพียงสนามที่ให้นักกีฬาทีมชาติไทยที่เก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ไปทดสอบฝีมือในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเดินทางไปแข่งขันที่ประเทศบาห์เรน
“ฝากถึงบรรดานักกีฬาเยาวชนที่มีอายุ 14-17 ปี ขอให้ตั้งใจฝึกซ้อมให้ดี เพราะการที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาทีมชาติไทยนั้นถือว่าเป็นเกียรติแก่ตัวเองและวงศ์ตระกูล อีกทั้งเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติในฐานะตัวแทนคนไทยทั้งประเทศ ดังนั้นการแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี 2568 สนามที่ 2 ที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี, สนามที่ 3 อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และสนามที่ 4 ที่สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข บึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร จึงมีความสำคัญอย่างมากสำหรับนักกีฬาเยาวชนที่จะแสดงฝีมืออกมาให้เต็มที่ เพื่อจะมีโอกาสได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาทีมชาติไทยต่อไป” พลเอกเดชา กล่าวในตอนท้าย.